ต้องทำอย่างไร เมื่อ “มอเตอร์ไซค์จมน้ำ” รวมเช็กลิสต์ห้ามทำ – ควรทำ
ช่วงน้ำท่วม หลายพื้นที่โดยเฉพาะในเมืองใหญ่และจังหวัดภาคใต้
มักเจอปัญหารถมอเตอร์ไซค์จมน้ำ แบบเลี่ยงไม่ได้
สิ่งที่เจ้าของรถส่วนใหญ่มักเผลอทำ คือรีบสตาร์ทรถทันทีเพื่อลองดูว่ายังติดไหม
ซึ่งจริง ๆ แล้วอาจยิ่งทำให้เครื่องยนต์พังเสียหายหนักกว่าเดิมได้
โมโต แอดดิคท์ ขอรวบรวมแนวทางง่าย ๆ ว่า
“อะไรคือสิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาด” และ
“อะไรคือสิ่งที่ควรทำทันที” เมื่อมอเตอร์ไซค์ของคุณจมน้ำหรือโดนน้ำท่วม

สิ่งที่ “ห้ามทำเด็ดขาด” หากรถมอเตอร์ไซค์จมน้ำ
-
1. ห้ามสตาร์ทเครื่องทันที
หากมีน้ำเข้าไปในห้องเครื่องหรือระบบไอดี/ไอเสีย การสตาร์ทอาจทำให้เครื่องยนต์น็อก
ชิ้นส่วนภายในบิดงอ และต้องซ่อมใหญ่ได้
-
2. ห้ามบิดคันเร่ง หรือพยายามสตาร์ทซ้ำ ๆ
ทุกครั้งที่พยายามสตาร์ทซ้ำ มีโอกาสที่น้ำจะถูกดูดเข้าไปในระบบเพิ่มขึ้น
ความเสียหายจะยิ่งมากขึ้นกว่าเดิม
-
3. ห้ามเข้าเกียร์เข็นเครื่องให้หมุน
การเข็นรถเข้าเกียร์เพื่อให้เครื่องหมุน มีความเสี่ยงทำให้เครื่องยนต์ล็อก
หรือชิ้นส่วนภายในได้รับความเสียหายจากแรงอัดของน้ำ
-
4. ห้ามล้างรถด้วยการฉีดน้ำเพิ่ม
แม้จะอยากล้างโคลนหรือคราบสกปรกออก แต่การฉีดน้ำซ้ำ ๆ
อาจทำให้น้ำเข้าระบบไฟ เซ็นเซอร์ หรือกล่อง ECU เพิ่มขึ้น
เสี่ยงต่อปัญหาระยะยาว
หากมีน้ำเข้าไปในห้องเครื่องหรือระบบไอดี/ไอเสีย การสตาร์ทอาจทำให้เครื่องยนต์น็อก
ชิ้นส่วนภายในบิดงอ และต้องซ่อมใหญ่ได้
ทุกครั้งที่พยายามสตาร์ทซ้ำ มีโอกาสที่น้ำจะถูกดูดเข้าไปในระบบเพิ่มขึ้น
ความเสียหายจะยิ่งมากขึ้นกว่าเดิม
การเข็นรถเข้าเกียร์เพื่อให้เครื่องหมุน มีความเสี่ยงทำให้เครื่องยนต์ล็อก
หรือชิ้นส่วนภายในได้รับความเสียหายจากแรงอัดของน้ำ
แม้จะอยากล้างโคลนหรือคราบสกปรกออก แต่การฉีดน้ำซ้ำ ๆ
อาจทำให้น้ำเข้าระบบไฟ เซ็นเซอร์ หรือกล่อง ECU เพิ่มขึ้น
เสี่ยงต่อปัญหาระยะยาว
สิ่งที่ “ควรทำทันที” เมื่อมอเตอร์ไซค์จมน้ำ
-
1. ปิดสวิตช์และถอดกุญแจทันที
เพื่อตัดการทำงานของระบบไฟ ลดความเสี่ยงไฟฟ้าลัดวงจร
-
2. เข็นรถออกจากบริเวณน้ำท่วม
เลือกจุดที่พื้นแห้งหรือระดับน้ำต่ำที่สุด เพื่อเตรียมเข้าสู่ขั้นตอนตรวจเช็ก
-
3. ถอดขั้วแบตเตอรี่ออก
ช่วยลดโอกาสไฟช็อตและความเสียหายของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนตัวรถ
-
4. เปิดกรองอากาศและเช็กว่ามีน้ำค้างอยู่หรือไม่
หากพบว่าน้ำเข้าไปในกล่องกรองอากาศ ควรหลีกเลี่ยงการสตาร์ทเครื่องเด็ดขาด
และรีบนำรถเข้าศูนย์บริการ
-
5. ตรวจเช็กน้ำมันเครื่อง
หากน้ำมันเครื่องมีสีขุ่น คล้ายน้ำผสม หรือมีฟองผิดปกติ
แสดงว่ามีน้ำเข้าไปปน ควรถ่ายน้ำมันเครื่องออกทันที
-
6. นำรถเข้าศูนย์บริการให้ช่างมืออาชีพตรวจเช็ก
ให้ช่างตรวจสอบระบบเครื่องยนต์ ระบบไฟ ระบบเบรก และชิ้นส่วนต่าง ๆ อย่างละเอียด
เพื่อป้องกันปัญหาตามมาในอนาคต
เพื่อตัดการทำงานของระบบไฟ ลดความเสี่ยงไฟฟ้าลัดวงจร
เลือกจุดที่พื้นแห้งหรือระดับน้ำต่ำที่สุด เพื่อเตรียมเข้าสู่ขั้นตอนตรวจเช็ก
ช่วยลดโอกาสไฟช็อตและความเสียหายของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนตัวรถ
หากพบว่าน้ำเข้าไปในกล่องกรองอากาศ ควรหลีกเลี่ยงการสตาร์ทเครื่องเด็ดขาด
และรีบนำรถเข้าศูนย์บริการ
หากน้ำมันเครื่องมีสีขุ่น คล้ายน้ำผสม หรือมีฟองผิดปกติ
แสดงว่ามีน้ำเข้าไปปน ควรถ่ายน้ำมันเครื่องออกทันที
ให้ช่างตรวจสอบระบบเครื่องยนต์ ระบบไฟ ระบบเบรก และชิ้นส่วนต่าง ๆ อย่างละเอียด
เพื่อป้องกันปัญหาตามมาในอนาคต
ทำไมควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญช่วยตรวจหลังน้ำท่วม?
ความเสียหายจากน้ำท่วมอาจไม่ได้เห็นชัดเจนในทันที
บางครั้งรถยังขี่ได้ แต่ภายในเริ่มเกิดสนิม ความชื้นสะสม หรือระบบไฟฟ้าเริ่มรวน
หากปล่อยไว้นานอาจกลายเป็นค่าซ่อมก้อนใหญ่ในภายหลัง
การนำรถมอเตอร์ไซค์เข้าตรวจเช็กกับช่างผู้เชี่ยวชาญ
จะช่วยให้สามารถไล่น้ำออกจากระบบต่าง ๆ ได้อย่างถูกวิธี
เช่น ระบบเครื่องยนต์ ระบบไฟฟ้า กล่อง ECU ชุดสายไฟ ระบบเบรก และลูกปืนล้อ
ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุ และยืดอายุการใช้งานของรถไปได้อีกยาว ๆ
เจอปัญหาหลังน้ำท่วม…แวะมา “โมโต แอดดิคท์”
ที่โมโต แอดดิคท์ เราพร้อมดูแลรถมอเตอร์ไซค์ของคุณหลังน้ำท่วม
ด้วยทีมช่างมากประสบการณ์ และอุปกรณ์ตรวจเช็กครบถ้วน
- รับบริการตรวจเช็กหลังน้ำท่วมแบบละเอียด
- เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรอง พร้อมตรวจระบบไฟทั้งคัน
- แนะนำแนวทางการดูแลรถหลังซ่อม เพื่อป้องกันปัญหาซ้ำ
นัดหมายตรวจเช็กหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์: motoaddictgroup.com
LINE Official: @motoaddict
โทร: 091-794-5422
#เราพร้อมดูแลรถให้คุณ #MotoAddict #มอเตอร์ไซค์จมน้ำต้องทำอย่างไร
สนใจสั่งซื้อสินค้าทางร้าน/ สอบถามเพิ่มได้ที่
Tel : 091-794-5422
Line@ : @motoaddict
ติดตามข่าวสาร/ โปรโมชั่นดีๆ ได้ที่
Facebook : ติดตามได้ทั้ง 3 สาขา
โมโต แอดดิคท์ สาขาหาดใหญ่
โมโต แอดดิคท์ สาขาภูเก็ต
โมโต แอดดิคท์ สาขาสุราษฎร์ธานี
บริการลูกค้า
เปิดทำการ 09.00 – 17.00 น.

